ยังไม่สายเกินไปใช่ไหมที่ตาสว่างหลังจากเป็นบ้านที่ 2 มา 11 ปี

เราเป็นบ้านที่ 2 โดยบ้านใหญ่อณุญาตให้มี เราไปไหนมาไหนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน สนิทสนมกันดี แต่ชีวิตการเป็นบ้านที่ 2 ช่างต่างจากคนอื่นสิ้นดี คนอื่นหากเป็นบ้านที่ 2 อย่างน้อยก็ได้เงินบ้าง หรือดีหน่อยก็อาจจะได้บ้าน ได้รถ แต่เรานั้น
ตลอดเวลา 11 ปี เราไม่เคยได้รับการส่งเสียเลี้ยงดูหรือเงินทองใดๆจากฝ่ายชายเลย แม้แต่บาทเดียว เนื่องจากเรามีความสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้และมีรายได้มากกว่าฝ่ายชายด้วยซ้ำ นอกจากฝ่ายชายไม่เคยส่งเสียแล้ว หนำซ้ำเวลาบ้านใหญ่เดือดร้อนเรื่องเงินเราก็ให้หยิบยืม แต่เขาก็คืนนะ ยิ่งนานวันเข้าบ้านใหญ่ยิ่งจน เรายิ่งรวย แล้วเราก็เริ่มทะเลาะกันเรื่อยมาเรื่องบ้านใหญ่เริ่มไม่ยอมให้ฝ่ายชายมาบ้านนี้ ด้วยข้อหาว่าเรายิ่งและเปลี่ยนไปไม่เคารพบ้านใหญ่เหมือนเดิม เราก็เริ่มไม่พอใจฝ่ายชายว่าทำไมไม่จัดการเรื่องเวลาให้ดี เขาก็มีข้ออ้าง(ซึ่งฟังไม่ขึ้น)มาอ้างตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งทางฝ่ายชายมาคุยบอกว่าขอให้เราออกทุนส่งเมียหลวงไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาเมียหลวงก็จะได้อัพเกรดหน้าที่การงานก็จะดีขึ้น เขาก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ชีวิตช่วงปลายเขาจะได้สบาย แต่ใช้เงินหลายล้านอยู่เหมือนกัน แต่เราไม่โอเคด้วยปัญหาระหองระแหงกันมาก่อนหน้านี้ และหากเราออกเงินให้เมียหลวงไปเรียน เรียนจบกลับมาเราก็__า ตัวหนึ่งดีๆนี่เอง แค่ทุกวันนี้บ้านใหญ่พูดอะไรก็ฟังทุกอย่างอยู่แล้ว เราจึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ทุกอย่างลง หลังใช้ชีวิตแบบนี้มา 11 ปีเต็ม ตาสว่างตอนนี้ก็คงไม่สายเกินไป

ขอนำเรื่องราวที่เราเล่าเพิ่มเติมไว้ในความคิดเห็นย่อยมาแปะไว้ตรงนี้นะคะ
ความคิดเห็นย่อย 15-7
หลายคนสงสัยว่าเรามาเป็นบ้านที่สองได้อย่างไร ขอเล่าเพิ่มเติม
ตอนที่เรารู้จักกับฝ่ายชายเรารับรู้ว่าเขาเป็นม่ายลูกติด  ตอนที่ตกลงคบกันเราไปที่บ้านเขานะคะ เป็นใครก็เชื่อคะว่าเขาเลิกกับเมียแล้วเพราะบ้านเขาไม่มีข้าวของของผู้หญิงเลยมีแต่ของเขากับลูก แต่เราก็ไม่ได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลว่าเราก็มีงานทำและต่างฝ่ายต่างก็ไปมาหาสู่กันทุกอาทิตย์ โดยเราไม่เคยเจอลูกเขานะคะ ด้วยเหตุผลของเขาว่ากลัวลูกจะรับไม่ได้ และอีกหลายอย่าง เป็นอย่างนี้อยู่ 3 ปี วันนึงฝ่ายชายเขาบอกว่าจะให้เมียเก่าเข้ามาอยู่บ้านเพื่อช่วยเลี้ยงลูกเพราะคนเลี้ยงลูกให้เขาป่วย เราก็ชุกคิดแล้วว่ามันไม่ใช่ จึงไปหาเมียเขาเลยคะ เรารู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน ทำงานอะไรแต่ไม่เคยยุ่งเพราะเข้าใจว่าเขาเลิกกันแล้ว ก็แล้วไป
เมื่อเจอกันเมียเขาช๊อค เราก็ช๊อกคะ
เพราะเขาไม่ได้เลิกกันแต่แยกบ้านกันอยู่เพราะสะดวกในการเดินทางไปทำงานของแต่ละคน โดยฝ่ายชายอยู่ใกล้โรงเรียนลูก ลูกจึงอยู่กับฝ่ายชาย
เขาร้องไห้ เราก็ร้องไห้ ต่างคนต่างกอดคอกันร้อง
เราเลือกที่จะจบตั้งแต่วันนั้น และเราก็ไม่ติดต่อกับฝ่ายชายอีกเลยแต่ยังคุยกันฉันเพื่อน พี่น้องกับฝ่ายหญิงประมาณ 2 เดือน ฝ่ายหญิงเขาบอกว่าเขาไม่สบายใจที่เราต้องทุกข์ใจจากเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งเขาไม่เชื่อแและไม่ไว้ใจฝ่ายชายด้วยว่าจะเลิกกับเราจริง เขาจึงเสนอให้เราอยู่ด้วยกันแบบ 3 คน เราสองคนคุยกันเองนะคะ เราตกลงกันแล้วถึงได้จับมือกันไปถามฝ่ายชายว่าตกลงไหม เราเองตอนนั้นก็ยังทำใจไม่ได้รวมถึงยังโง่ จึงตกลงกันแบบนั้น
แรกๆทุกอย่างก็ดูลงตัวดี จนกระทั่งเราย้ายที่อยู่ซึ่งห่างออกไปอีก 300 กิโลเมตร (ตอนแรกอยู่จังหวัดเดียวกัน แต่คนละอำเภอ) ข้ามจังหวัดกันเลย
นับจากเราย้ายที่อยู่ฝ่ายชายไม่มาเลยคะ ด้วยเรื่องว่าติดงาน เดินทางไกล ไม่มีเวลารวมถึงไม่อยากมีปัญหากับฝ่ายหญิงเพราะถ้ามาก็ต้องอยู่หลายวันเพราะแค่เดินทางไปกลับ ก็เป็นวันแล้ว
แล้วทุกอย่างมันก็อีรุงตุงนัง
จนเราเลิกกัน

ความคิดเห็นย่อยที่ 15-8
การที่ฝ่ายชายมาคุยกับเราเรื่องส่งฝ่ายหญิงไปเรียนเมืองนอกนั้น เขาหว่านล้อมเราดังนี้คะ
เขาบอกว่าการไปเรียนของฝ่ายหญิงนั้นต้องใช้เวลา 4-5 ปี ในช่วงนี้เขาจะมาอยู่กับเราเพื่อชดเชยส่วนที่เขาขาดหายไป หากเขาจบกลับมาอย่างน้อยฝ่ายหญิงเขาก็ต้องเกรงใจเรา ชีวิตเขาก็จะดีขึ้นมีรายได้มากขึ้น หรือถ้าเขาได้งานทำที่เมืองนอกเขาก็คงไม่กลับมา เราคุยกับฝ่ายหญิงด้วยนะ เขาก็บอกเองว่าตกลงที่จะไปแต่เรื่องจะกลับหรือไม่กลับเป็นเรื่องของอนาคต
แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่และเรารักเงินของเรา หากไม่มีเรื่องระหองระแหงกันเราอาจจะตกลง แต่ ณ เวลานั้นมันไม่ใช่ เราเลือกที่จะจบมากกว่า

ปล.ตอนนี้ี้เลิกกันมาปีกว่าแล้ว ที่เล่าเพราะอยากให้เป็นมุมมองอีกมุมหนึ่งในสังคม
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
จากประโยคนี้ของคุณ....

"ยามที่คนมันยังโง่ไงคะ คิดไปต่างๆนานาว่าสักวันเขาจะเห็นคุณค่าของเรา จะมาอยู่กับเราและรักเราคนเดียว"

แสดงว่าที่ทนเพราะคิดว่าสักวันจะแย่งมาครองแต่เพียงผู้เดียวสิ    วิธีคิดของเมียน้อยก็มีเท่านี้แหละ
พอเห็นนานเกินรอ  เลยตาสว่าง ... ทนอยู่ในบ่วงกรรมได้ตั้งนานนะคะ  เก่งจัง
ความคิดเห็นที่ 20
ดีแล้วค่ะ ที่เลิกเป็นเมียน้อย เอาเข้าจริง ถึงแม้บ้านใหญ่รับได้ คุณแน่ใจหรือค่ะ ว่าเค้าไม่ต้องผ่านช่วงเวลาที่ลำบากเพราะคุณ?? เหตุนี้เค้าถึงไม่เกรงใจคุณ เพราะถือว่าคุณก็คือเมียน้อยค่ะ คนสนิทสนมชอบพอกันจริงใจ รับได้ 3คนผัวเมียจริงๆ ทำไมถึงห้ามสามีไม่ให้มาพบคุณได้ เหตุผลมีข้อเดียว จริงๆแล้วเค้าคงไม่ชอบคุณตั้งแต่แรก ตั้งแต่รู้ความว่าคุณคบชู้กับสามีเค้าค่ะ  ในเมื่อคุณไม่ได้เรียกร้องค่าอยู่กิน ขอเป็นเมียน้อยแบบฟรี รวยก็รวยกว่า เผื่อเอาไว้พึ่งพายามขัดสน ก็เอาสิค่ะ ใจกว้างดีกว่า ดีกว่ามุทะลุยกสามีให้คุณฟรีๆ คราวนี้สามีถึงได้เกรงใจเค้ายิ่งขึ้น ถือว่าคุณเป็นน้อย และ ไม่นับถือคุณอีกต่อไป ไม่ว่าจะยืมเงิน หรือจะให้คุณส่งเสียเรียนนอก เค้าอาจสะใจลึกๆ เนื่องจากคุณมีเจตนาแย่งชิงองเค้าแต่แรก นี้เค้าคงคิดอ่ะค่ะ ว่าบุญเท่าไหร่แล้วที่ยอมแชร์ผัวด้วยตั้ง 11 ปี ขอแค่นี้ยังน้อยไป เหอๆๆ
คุณเจอตัวจริงเข้าแล้วค่ะ ~~
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่